วิเคราะห์ฟุตบอลยูโร 2020 ประจำวันจันทร์ที่ 28 มิ.ย. 2021

บอลยูโร 2020 เบลเยี่ยม VS โปรตุเกส

เบลเยี่ยม VS โปรตุเกส

สนาม : เอสตาดิโอ ลา คาร์ตูฆ่า, เมืองเซบีญ่า ประเทศสเปน

เวลา : 02.00 น.

เบลเยี่ยม

ผลงาน 5 เกมหลังสุด

เสมอ กรีซ 1-1 (เหย้า)

ชนะ โครเอเชีย 1-0 (เหย้า)

ชนะ รัสเซีย 3-0 (ยูโร 2020)

ชนะ เดนมาร์ก 2-1 (ยูโร 2020)

ชนะ ฟินแลนด์ 2-0 (ยูโร 2020)

คาดว่ากุนซือ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ จะปรับทัพจากเกมนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มที่ชนะ ฟินแลนด์ 2-0 หลังผ่านเข้ารอบมาในฐานะแชมป์กลุ่ม บี จากการคว้าชัยได้ถึง 3 เกมติดต่อกัน โดยพร้อมให้พวกแข้งหลักกลับมาออกสตาร์ทตั้งแต่นาทีแรกตามแผนการเล่นแบบ 3-4-2-1 เพราะนัดก่อนมีการโรเตชั่นให้ตัวสำรองลงสนามหลายคนเลย เริ่มจากผู้รักษาประตูจะให้ ติโบต์ กูร์ตัวส์ ยืนเฝ้าเสาต่อไป แนวรับไม่น่าจะให้ เจสัน เดนาแยร์ กับ โธมัส แฟร์มาเลน ลงเล่นเป็นตัวจริง จึงน่าจะเป็นโอกาสของ เดดริก โบยาต้า ลงไปยืนร่วมกับ แยน แฟร์ทองเก้น และ โทบี้ อัลเดอร์ไวรัลด์ แดนกลางน่าจะให้ ยูริ ติเลอมองส์ กลับมายืนคุมเกมคู่กับ อักเซล วิตเซล ส่วนฟูลแบ็กฝั่งซ้ายน่าจะดร็อป ยานนิค คาร์ราสโก้ เพื่อให้ ธอร์ก็อง อาซาร์ ลงไปยืนคนละฝั่งกับ โธมัส มูนิเยร์ แนวรุกอาจจะพัก ดรีส เมอร์เท่นส์ โดยเตรียมให้ 2 ดาวดังอย่าง เอเดน อาซาร์ รวมถึง เควิน เดอ บรอยน์ ซึ่งกลับมาฟิตสมบูรณ์แบบเต็มร้อยแล้วลงไปยืนเป็นตัวปั้นเกมอยู่ด้านหลังของ โรเมลู ลูกากู กองหน้าตัวเป้า   

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม

ผู้รักษาประตู : ติโบต์ กูร์ตัวส์

แนวรับ : เดดริก โบยาต้า, แยน แฟร์ทองเก้น, โทบี้ อัลเดอร์ไวรัลด์

แดนกลาง : ยูริ ติเลอมองส์, อักเซล วิตเซล, โธมัส มูนิเยร์, ธอร์ก็อง อาซาร์

แนวรุก : เอเดน อาซาร์, เควิน เดอ บรอยน์, โรเมลู ลูกากู

โปรตุเกส

ผลงาน 5 เกมหลังสุด

ชนะ ลักเซมเบิร์ก 3-1 (เยือน)

เสมอ สเปน 0-0 (เยือน)

ชนะ ฮังการี 3-0 (ยูโร 2020)

แพ้ เยอรมนี 2-4 (ยูโร 2020)

เสมอ ฝรั่งเศส 2-2 (ยูโร 2020)

คาดว่ากุนซือ แฟร์นันโด้ ซานโต๊ส จะปรับทัพจากเกมนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มที่เสมอ ฝรั่งเศส 2-2 หลังได้ผ่านเข้ารอบจากการเป็นหนึ่งในทีมอันดับ 3 ที่ดีที่สุด แม้จะมี 4 คะแนน เท่ากับ เยอรมนี ทีมร่วมกลุ่ม เอฟ แต่มีผลการพบกันเองตามสถิติ “เฮด-ทู-เฮด” ที่เป็นรอง เยอรมนี จากเกมที่แพ้ 2-4 นั่นเอง โดยพร้อมให้พวกแข้งหลักลงสนามตามแผนการเล่นแบบ 4-3-3 เพราะใช้งานเหล่าดาวดังได้ทั้งหมด ไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตูจะให้ รุย ปาทริซิโอ ยืนเฝ้าเสาเป็นมือหนึ่งเหมือนเดิม แนวรับยังคงให้ รูเบน ดิอาส ยืนคู่กับ เปเป้ ส่วนแบ็กขวายังต้องรอเช็กสภาพความฟิตของ เจา คันเซโล่ หากลงเล่นไม่ได้จะให้ ดิโอโก้ ดาโลท์ ลงไปยืนคนละฝั่งกับ ราฟาเอล เกร์เรโร่ แดนกลางอาจดร็อป บรูโน่ แฟร์นันเดส มิดฟิลด์จอมเทคนิคที่โชว์ฟอร์มไม่ออก และพร้อมให้ เจา มูตินโญ่ ลงไปคุมเกมร่วมกับ ดานิโอ เปไรร่า และ เรนาโต้ ซานเชส แนวรุกรอชั่งใจเลือกระหว่าง อังเดร ซิลวา กับ เจา เฟลิกซ์ เพื่อให้ลงไปประสานงานกับ ดิโอโก้ โจต้า และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวซัลโวที่ยิงประตูจากรอบแบ่งกลุ่มไปแล้วทั้งหมด 5 ประตู

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม

ผู้รักษาประตู : รุย ปาทริซิโอ

แนวรับ : เปเป้, รูเบน ดิอาส, ดิโอโก้ ดาโลท์, ราฟาเอล เกร์เรโร่

แดนกลาง : เจา มูตินโญ่, ดานิโล่ เปไรร่า, เรนาโต้ ซานเชส

แนวรุก : คริสเตียโน่ โรนัลโด้, ดิโอโก้ โจต้า, อังเดร ซิลวา

วิเคราะห์ฟันธง

วิเคราะห์ฟันธง เบลเยี่ยม VS โปรตุเกส

คู่นี้เคยพบกันในทุกรายการมาแล้วทั้งหมด 18 นัด ปรากฎว่า โปรตุเกส มีสถิติเป็นรองเล็กน้อย โดยเป็นฝ่ายชนะ 6 เกม เสมอ 7 เกม และแพ้ 5 เกม ส่วนนัดล่าสุดเจอกันในเกมนัดกระชับมิตร เมื่อปี 2018 ปรากฎว่า เสมอกันในบ้านของ เบลเยี่ยม 0-0 ถือว่าเป็นเกมที่ติดตามดูมากๆ โดยตอนนี้ เบลเยี่ยม ยังคงรั้ง “เบอร์หนึ่ง” ในฐานะทีมฟุตบอลชายระดับชาติที่ดีที่สุดจากการจัดอันดับโลกของ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า และอุดมไปด้วยพวกดาวดังเต็มไปหมดเลย ไม่ว่าจะเป็น เอเดน อาซาร์ รวมถึง เควิน เดอ บรอยน์ ซึ่งกลับมามีสภาพร่างกายที่ฟิตสมบูรณ์อีกครั้ง ส่วน โปรตุเกส มีศักดิ์ศรีเป็นถึงแชมป์เก่าจากศึกยูโร 2016 แม้จะโชว์ฟอร์มในเกมแบ่งกลุ่มได้ไม่น่าประทับใจเสียเท่าไรนัก แต่ยังสามารถประคองตัวผ่านเข้ารอบมาได้จากเป็นหนึ่งในทีมอันดับ 3 ที่ดีที่สุด และเป็นทีมที่มักจะทำผลงานในเกมใหญ่ๆ ได้ดีเสมอ ดังนั้นเกมคู่นี้มีโอกาสต้องเล่นกันเกิน 90 นาที และคาดว่า โปรตุเกส น่าจะอาศัยเก๋าเฉือนชนะในช่วงต่อเวลาพิเศษได้แบบหืดจับ

ผลที่คาด – เบลเยี่ยม เสมอ โปรตุเกส 1-1 (โปรตุเกส ชนะในช่วงหลังต่อเวลาพิเศษ)

บอลยูโร 2020 โครเอเชีย VS สเปน

โครเอเชีย VS สเปน

สนาม : ปาร์เค่น สเตเดี้ยม, กรุงโคเปนฮาเกน ประเทศเดนมาร์ก

เวลา : 23.00 น.

โครเอเชีย

ผลงาน 5 เกมหลังสุด

เสมอ อาร์เมเนีย 1-1 (เหย้า)

แพ้ เบลเยี่ยม 0-1 (เยือน)

แพ้ อังกฤษ 0-1 (ยูโร 2020)

เสมอ สาธารณรัฐเช็ก 1-1 (ยูโร 2020)

ชนะ สกอตแลนด์ 3-1 (ยูโร 2020)

คาดว่ากุนซือ ซลัตโก้ ดาลิช จะปรับทัพจากเกมนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มที่ชนะ สกอตแลนด์ 3-1 หลังได้ผ่านเข้ารอบมาในฐานะทีมรองแชมป์กลุ่ม ดี แม้จะมี 4 คะแนน เท่ากับ สาธารณรัฐเช็ก แต่มีผลต่างเรื่องยิงประตูได้มากกว่า จึงพร้อมจัดทัพใหญ่ลงสนามตามแผนการเล่นแบบ 4-3-3 นำทัพโดยพวกแข้งเก๋าจากทีมชุดรองแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 เริ่มจากผู้รักษาประตูยังคงเป็นหน้าที่ของ โดมินิก ลิวาโควิช ยืนเฝ้าเสาต่อไป แนวรับส่อดร็อป ดูเย่ คาเลต้า-คาร์ เพื่อให้ เดยัน ลอฟเรน ลงไปยืนคู่กับ โดมากอย วิด้า ส่วนฟูลแบ็กฝั่งซ้ายยังต้องรอเช็กสภาพความฟิตของ บอร์น่า บาริซิช หากลงเล่นไม่ได้จะให้ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล ยืนคนละด้านกับ ซิเม่ เวอร์ซัลโก้ แดนกลางยังคงใช้ 3 ประสาน ลูก้า โมดริช คุมเกมร่วมกับ มาเตโอ โควาซิช และ มาร์เซโล่ โบรโซวิช แนวรุกพร้อมให้ อีวาน เปริซิช สวมบทเป็นปีกซ้ายคนละข้างกับ นิโกล่า วลาซิช ส่วนกองหน้ารอชั่งใจเลือกถึง 3 ราย แต่ไม่น่าจะใช้ อันเต้ เรบิช กับ อังเดร ครามาริช เพื่อให้ บรูโน่ เพ็ตโควิช ลงไปยืนเป็นกองหน้าตัวเป้ามากกว่า

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม

ผู้รักษาประตู : โดมินิก ลิวาโควิช

แนวรับ : เดยัน ลอฟเรน, โดมากอย วิด้า, บอร์น่า บาริซิช, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล

แดนกลาง : ลูก้า โมดริช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช, มาเตโอ โควาซิช

แนวรุก : นิโกล่า วลาซิช, อีวาน เปริซิช, บรูโน่ เพ็ตโควิช

สเปน

ผลงาน 5 เกมหลังสุด

เสมอ โปรตุเกส 0-0 (เหย้า)

ชนะ ลิทัวเนีย 4-0 (เหย้า)

เสมอ สวีเดน 0-0 (ยูโร 2020)

เสมอ โปแลนด์ 1-1 (ยูโร 2020)

ชนะ สโลวะเกีย 5-0 (ยูโร 2020)

คาดว่ากุนซือ หลุยส์ เอ็นริเก้ จะปรับทัพจากเกมนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มที่ไล่ถล่ม สโลวะเกีย 5-0 จึงได้ผ่านเข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่ม อี และยังไม่พบกับความพ่ายแพ้จากการลงเตะใน 3 นัดแรก จึงพร้อมให้พวกแข้งหลักลงสนามตามแผนการเล่นแบบ 4-3-3 ไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตูยังคงให้ อูไน ซิมอน ยืนเฝ้าเสาเป็นมือหนึ่งต่อไป แนวรับพร้อมใช้ อายเมริก ลาปอร์ก ยืนคู่กับ เปา ตอร์เรส ส่วนฟูลแบ็กฝั่งขวาส่อดร็อป มาร์กอส ยอเรนเต้ และอาจจะให้ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ลงไปยืนคนละด้านกับ ฆอร์ดี้ อัลบา แดนกลางอาจจะให้ ติอาโก้ อัลคานทาร่า นั่งเป็นตัวสำรอง เพื่อใช้งาน เปดรี้ คุมเกมร่วมกับ เซร์คิโอ บุสเกตส์ และ โกเก้ แนวรุกน่าจะดร็อป เกราร์ด โมเรโน่ โดยพร้อมให้ อัลบาโร่ โมราต้า สวมบทเป็นกองหน้าตัวเป้าเหมือนเดิม แม้จะเพิ่งสังหารจุดโทษพลาดในเกมนัดก่อนก็ตาม ส่วนปีกริมเส้นฝั่งขวาน่าจะให้ ปาโบล ซาราเบีย ลงไปยืนคนละด้านกับ ดานี่ โอลโม่   

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม

ผู้รักษาประตู : อูไน ซิมอน

แนวรับ : เปา ตอร์เรส ,อายเมริก ลาปอร์ก, เปา ตอร์เรส, ฆอร์ดี้ อัลบา, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า

แดนกลาง : เซร์คิโอ บุสเกตส์, โกเก้, เปดรี้

แนวรุก : อัลบาโร่ โมราต้า, ดานี่ โอลโม่, ปาโบล ซาราเบีย

วิเคราะห์ฟันธง

วิเคราะห์ฟันธง โครเอเชีย vs สเปน

คู่นี้เคยพบกันในทุกรายการมาแล้วทั้งหมด 8 นัด ปรากฎว่า สเปน มีสถิติเหนือกว่าเล็กน้อย โดยเป็นฝ่ายชนะ 3 เกม เสมอ 1 เกม และแพ้ 4 เกม ส่วนนัดล่าสุดเจอกันในศึกยูฟ่า เนชั่นส์ลีก เมื่อปี 2018 ปรากฎว่า โครเอเชีย เปิดบ้านชนะ 3-2 และเคยพบกันในรอบสุดท้ายของศึกยูโร 2016 รอบแบ่งกลุ่ม เมื่อ 5 ปีก่อน ปรากฎว่า โครเอเชีย เป็นฝ่ายเฉือนชนะ 2-1 แม้ว่า สเปน จะผ่านเข้ารอบมาได้แบบกระท่อนกระเทือนเหลือเกิน เพราะต้องลุ้นกันจนถึงนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มนั่นเอง ซึ่งไม่ได้แตกต่างไปจาก โครเอเชีย ด้วยเช่นกัน แต่อย่างน้อย สเปน ยังไม่พบกับความปราชัยแม้แต่เกมเดียว โดยก่อนหน้านี้เคยมีปัญหาเรื่องเกมรุกจาก 2 นัดแรกที่ยิงประตูได้น้อยมาก ทั้งๆ ที่มีโอกาสลุ้นสอยตาข่ายได้หลายครั้งเลย แต่ตอนนี้สามารถแก้ปัญหาตรงจุดนี้ได้แล้วจากการซัลโวในนัดสุดท้ายได้แบบถล่มทลาย และมีแนวรับที่ไว้ใจได้จากการเสียประตูไปเพียงแค่ลูกเดียวเท่านั้น ส่วน โครเอเชีย ยังต้องพึ่งพาพวกแข้งเก๋าเป็นหลัก โดยเฉพาะ ลูก้า โมดริช จอมทัพตัวเก่ง รวมถึง อีวาน เปริซิช ซึ่งยังคงต้องแบกภาระทำเกมทางริมเส้น หากพากันเล่นกันไม่ออกก็เตรียมผิดหวังได้เลย ดังนั้น สเปน น่าจะเป็นฝ่ายคว้าชัยได้แบบหวุดหวิด  

ผลที่คาด – โครเอเชีย แพ้ สเปน 1-2

คอมเมนต์

Leave a Comment