วิเคราะห์ฟุตบอลยูโร 2020 ประจำวันพุธที่ 16 มิ.ย. 2021

ศึกฟุตบอลยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม ประจำวันพุธที่ 16 มิ.ย.นี้ เดินทางมาถึงเกมนัดที่ 2 กันแล้ว มีโปรแกรมลงสนามทั้งหมด 3 คู่ เริ่มกันด้วยหนึ่งคู่ในกลุ่ม บี 1 คู่ รวมถึงอีก 2 คู่ในกลุ่ม เอ ซึ่งมีทีมใหญ่อย่าง อิตาลี จะลงสนามฟาดแข้งกับ สวิตเซอร์แลนด์ ด้วยเช่นกัน โดยสามารถติดตามบทวิเคราะห์ฟันธงกันได้ทุกวันจนถึงรอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 11 ก.ค.นี้กันได้เลย

บอลยูโร 2020 ฝรั่งเศส vs เยอรมนี

ฝรั่งเศส VS เยอรมนี

สนาม : ฟุตบอล อารีน่า มิวนิค, เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี

เวลา : 02.00 น.

ฝรั่งเศส

ผลงาน 5 เกมหลังสุด

เสมอ ยูเครน 1-1 (เหย้า)

ชนะ คาซัคสถาน 2-0 (เยือน)

ชนะ บอสเนีย 1-0 (เยือน)

ชนะ เวลส์ 3-0 (เหย้า)

ชนะ บัลแกเรีย 3-0 (เหย้า)

คาดว่ากุนซือ ดิดิเยร์ เดสชองส์ จะใช้แผนการเล่นแบบ 4-3-1-2 และไม่มีแข้งหลักได้รับบาดเจ็บเลย จึงพร้อมจัดผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนามแน่นอน ไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตูจะให้ อูโก้ ยอริส ยืนเฝ้าเสาเหมือนเดิม แนวรับจะใช้ เพรสเนล คิมเพมเบ้ ยืนคู่กับ ราฟาเอล วาราน ส่วนฟูลแบ็กทั้งสองฝั่งน่าจะเป็นหน้าที่ของ ลูกาส์ เอร์นันเดส กับ แบงฌาแม็ง ปาวาร์ แดนกลางสุดแกร่งใช้ 3 ประสาน โกร็องแต็ง โตลิสโซ่, ปอล ป็อกบา และ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ส่วนแนวรุกพร้อมให้ อองตวน กรีซมันน์ เจ้าของตำแหน่งดาวซัลโวจากศึกยูโร 2016 ยืนเป็นกองหน้าตัวต่ำเพื่อประสานงานกับ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ และ คาริม เบนเซม่า ซึ่งน่าจะออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเหนือกว่า โอลิวิเยร์ ชิรูด์ เพราะทั้งคู่สวมบทเป็นหัวหอกตัวเป้าเหมือนกันเลย 

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม

ผู้รักษาประตู :  อูโก้ ยอริส

แนวรับ : เพรสเนล คิมเพมเบ้, ราฟาเอล วาราน, ลูกาส์ เอร์นันเดส, แบงฌาแม็ง ปาวาร์

แดนกลาง : โกร็องแต็ง โตลิสโซ่, ปอล ป็อกบา, เอ็นโกโล่ ก็องเต้

แนวรุก :  อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้, คาริม เบนเซม่า

เยอรมนี

ผลงาน 5 เกมหลังสุด

ชนะ ไอซ์แลนด์ 3-0 (เหย้า)

ชนะ โรมาเนีย 1-0 (เยือน)

แพ้ มาซิโดเนียเหนือ 1-2 (เหย้า)

เสมอ เดนมาร์ก 1-1 (สนามเป็นกลาง)

ชนะ ลัตเวีย 7-1 (เหย้า)

คาดว่ากุนซือ โจอาคิม เลิฟ จะใช้แผนการเล่นแบบ 3-4-2-1 แม้จะหมดสิทธิ์ใช้งาน โจนาส ฮอฟมันน์ ในแผงมิดฟิลด์ เพราะยังมีปัญหาบาดเจ็บรบกวนนั่นเอง แต่ปกติเป็นตัวสำรองอยู่แล้ว จึงไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดทีมใหญ่ลงสนาม โดยพวกแข้งหลักยังพร้อมออกสตาร์ทเป็นตัวจริงทั้งหมด เริ่มจากผู้รักษาประตูจะให้ มานูเอล นอยเออร์ ยืนเฝ้าเสาเหมือนเดิม แนวรับจะให้ มัตส์ ฮุมเมลส์ ยืนร่วมกับ มัทธีอัส กินเทอร์ และ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ แดนกลางวาง โทนี่ โครส คุมเกมร่วมกับ อิลคาย กุนโดกาน แม้จะได้ เลออน โกเรตซ์ก้า ฟิตกลับมาช่วยทีมได้แล้ว แต่ไม่น่าจะได้ลงเล่นตั้งแต่นาทีแรก และจะขยับ โจชัว คิมมิช ไปยืนเป็นแบ็กขวาคนละฝั่งกับ โรบิน โกเซ่นส์ แนวรุกน่าจะดร็อป ติโม แวร์เนอร์ อยู่ที่ข้างสนาม เพื่อให้ โธมัส มุลเลอร์ กับ ไค ฮาเวิร์ตซ ยืนเป็นตัวปั้นเกมอยู่ด้านหลังของ แซร์จ กนาบรี้ ซึ่งน่าจะถูกดันขึ้นไปยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม

ผู้รักษาประตู : มานูเอล นอยเออร์

แนวรับ : มัตส์ ฮุมเมลส์, มัทธีอัส กินเทอร์, อันโตนิโอ รูดิเกอร์

แดนกลาง : โทนี่ โครส, อิลคาย กุนโดกาน, โจชัว คิมมิช, โรบิน โกเซ่นส์

แนวรุก :  โธมัส มุลเลอร์, ไค ฮาเวิร์ตซ, แซร์จ กนาบรี้

วิเคราะห์ฟันธง

คู่นี้เคยพบกันในทุกรายการมาแล้วทั้งหมด 16 นัด ปรากฎว่า ฝรั่งเศส มีสถิติเหนือกว่า เพราะเป็นฝ่ายชนะ 8 เกม เสมอ 4 เกม และแพ้ 4 ส่วนนัดล่าสุดเจอกันในศึกยูฟ่า เนชั่นส์ลีก เมื่อปี 2018 ปรากฎว่า ฝรั่งเศส เปิดบ้านเฉือนชนะ 2-1 นอกจากนี้ทั้งสองทีมเคยเจอกันในศึกยูโร 2016 รอบรองชนะเลิศ เมื่อครั้งที่แล้ว ปรากฎว่า เยอรมนี พลาดท่าแพ้ 0-2 ถ้ามองจากภาพรวมจะเห็นได้ว่า ฝรั่งเศส เป็นทีมที่มีความลงตัวมากกว่า และมีศักดิ์ศรีเป็นถึงแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 เลยด้วย แต่ เยอรมนี เป็นทีมแกร่งอยู่แล้วด้วยเช่นกัน และเกมนี้เตะกันที่ประเทศเยอรมนี จึงได้เปรียบเรื่องของเสียงเชียร์จากแฟนบอลในฐานะเจ้าบ้านไปเลย ดังนั้นเกมคู่นี้มีโอกาสลงเอยด้วยผลเสมอได้เหมือกัน เพราะทั้งสองทีมน่าจะเล่นกันแบบระมัดระวังในนัดประเดิมสนาม

ผลที่คาด – ฝรั่งเศส เสมอ เยอรมนี 1-1

บอลยูโร 2020 ฟินแลนด์ vs รัสเซีย

ฟินแลนด์ VS รัสเซีย

สนาม : เครสตอฟสกี้ สเตเดี้ยม, เมืองเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย

เวลา : 20.00 น.

ฟินแลนด์

ผลงาน 5 เกมหลังสุด

เสมอ ยูเครน 1-1 (เยือน)

แพ้ สวิตเซอร์แลนด์ 2-3 (เยือน)

แพ้ สวีเดน 0-2 (เยือน)

แพ้ เอสโตเนีย 0-1 (เหย้า)

ชนะ เดนมาร์ก 1-0 (ยูโร 2020)

คาดว่ากุนซือ มาร์กคู คาเนอร์ว่า จะปรับทัพจากประเดิมสนามที่ชนะ เดนมาร์ก 1-0 เพื่อลุ้นคว้าชัยขึ้นแท่นรอลุ้นผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยจะใช้แผนการเล่นแบบ 3-5-2 และพร้อมให้พวกแข้งหลักลงสนามเกือบทั้งหมด ไล่ตั้งผู้รักษาประตูจะให้ ลูคัส ฮราเด็คกี้ ซึ่งเซฟจุดโทษจากเกมแรกได้ยืนเฝ้าเสาเหมือนเดิม แนวรับจะให้ โจน่า ตอยวิโอ ยืนร่วมกับ ดาเนี่ยล โอชอห์เนสซี่ และ เปาลุส อรายูรี่ แดนกลางวาง ทิม สปาร์ฟ คุมเกมร่วมกับ โรบิน ล็อด และ เกล็น คามาร่า ส่วนตัวริมเส้นทั้งสองฝั่งจะใช้ เยเร่ อูโรเน่น กับ ยุคก้า ไรตาล่า แนวรุกยังคงให้ ติมู ปุ๊กกี้ กับ โจเอล โปห์ยานปาโล่ ผู้ยิงประตูชัยจากนัดแรกยืนล่าตาข่ายคู่กันไปเลย

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม

ผู้รักษาประตู : ลูคัส ฮราเด็คกี้

แนวรับ : โจน่า ตอยวิโอ, ดาเนี่ยล โอชอห์เนสซี่, เปาลุส อรายูรี่

แดนกลาง : ทิม สปาร์ฟ, โรบิน ล็อด, เกล็น คามาร่า, เยเร่ อูโรเน่น, ยุคก้า ไรตาล่า

แนวรุก : ติมู ปุ๊กกี้, โจเอล โปห์ยานปาโล่

รัสเซีย

ผลงาน 5 เกมหลังสุด

ชนะ สโลวีเนีย 2-1 (เหย้า)

แพ้ สโลวะเกีย 1-2 (เยือน)

เสมอ โปแลนด์ 1-1 (เยือน)

ชนะ บัลแกเรีย 1-0 (เหย้า)

แพ้ เบลเยี่ยม 0-3 (ยูโร 2020)

คาดว่ากุนซือ สตานิสลาฟ เชอร์เชซอฟ จะปรับทัพจากประเดิมสนามที่แพ้ เบลเยี่ยม แบบยับเยิน 0-3 เพื่อลุ้นเก็บชัยต่อหายใจสำหรับการแย่งตั๋วผ่านเข้าสู่รอบต่อไป เพราะถ้าแพ้จะกระเด็นตกรอบทันที โดยจะใช้แผนการเล่นแบบ 3-4-2-1 และยังใช้งานพวกแข้งหลักได้เหมือนเดิม เริ่มจากผู้รักษาประตูจะให้ แอนตัน ชูนิน ยืนเฝ้าเสา แนวรับจะให้ อังเดร เชเมนอฟ ยืนร่วมกับ อิกอร์ ไดวิเยฟ และ จอร์จี้ ดิคิย่า แดนกลางวาง โรมัน ซ็อบนิน คุมเกมคู่กับ มาโดเม็ด อ็อซโดเยฟ ส่วนฟูลแบ็กทั้งสองข้างจะใช้ มาริโอ แฟร์นันเดส กับ วยาเชสลาฟ คาราวาเยฟ แนวรุกน่าจะวาง อเล็กไซ มิรานชุค ยืนเป็นตัวปั้นเกมคู่กับ อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน เพื่อป้อนบอลให้กับ อาร์เต็ม ซูบ้า กองหน้ากัปตันทีม

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม

ผู้รักษาประตู : สตานิสลาฟ เชอร์เชซอฟ

แนวรับ : แอนตัน ชูนิน, อังเดร เชเมนอฟ, จอร์จี้ ดิคิย่า

แดนกลาง : โรมัน ซ็อบนิน, มาโดเม็ด อ็อซโดเยฟ, มาริโอ แฟร์นันเดส, วยาเชสลาฟ คาราวาเยฟ

แนวรุก : อเล็กไซ มิรานชุค, อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน, อาร์เต็ม ซูบ้า

วิเคราะห์ฟันธง

คู่นี้เคยพบกันในทุกรายการมาแล้วทั้งหมด 4 นัด ปรากฎว่า รัสเซีย พกสถิติข่มแบบมิดด้ามไปเลย เพราะเป็นฝ่ายชนะทั้ง 4 เกมเลยนั่นเอง ส่วนนัดล่าสุดเจอกันในศึกฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือก โซนยุโรป เมื่อปี 2009 ปรากฎว่า รัสเซีย บุกไปชนะ 3-0 แม้ว่าชื่นชั้นของ รัสเซีย จะดูดีกว่าเยอะเลย แต่กลับโชว์ฟอร์มในเกมประเดิมสนามได้แบบไม่มีทรงเอาเสียเลย และมีแนวรับที่ไม่แข็งแกร่งด้วย ซึ่งตรงกันข้ามกับ ฟินแลนด์ แม้จะได้ผ่านเข้ามาเล่นรอบสุดท้ายในทัวร์นาเมนต์เป็นครั้งแรก แต่กลับไม่มีอาการตื่นสนามให้เห็นเลย ทว่า รัสเซีย ยังถือความได้เปรียบเรื่องของการลงเล่นในถิ่นของตัวเอง ดังนั้นเกมคู่นี้มีโอกาสลงเอยด้วยผลเสมอได้เหมือนกัน     

ผลที่คาด – ฟินแลนด์ เสมอ รัสเซีย 1-1

บอลยูโร 2020 ตุรกี vs เวลส์

ตุรกี VS เวลส์

สนาม : โอลิมปิก สเตเดี้ยม, กรุงบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน

เวลา : 23.00 น.

ตุรกี

เสมอ ลัตเวีย 3-3 (เหย้า)

ชนะ อาเซอร์ไบจาน 2-1 (เหย้า)

เสมอ กินี 0-0 (เหย้า)

ชนะ มอลโดวา 2-0 (สนามเป็นกลาง)

แพ้ อิตาลี 0-3 (ยูโร 2020)

คาดว่ากุนซือ เซนอล กูเนส จะปรับทัพจากประเดิมสนามที่แพ้ อิตาลี 0-3 เพื่อลุ้นคว้าชัยจะได้กลับมามีโอกาสผ่านเข้ารอบในนัดสุดท้าย จึงน่าจะยึดแผนการเล่นแบบ 4-5-1 โดยยังคงไว้วางใจให้พวกแข้งหลักลงสนามหลายรายเลย ไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตูจะให้ อูกูร์คาน ชาเคียร์ ยืนเฝ้าเสาเป็นตัวจริง แนวรับจะให้ เมริห์ เดมิรัล ยืนคู่กับ ชักลาร์ โชยุนคู ส่วนฟูลแบ็กทั้งสองฝั่งจะใช้ เมห์เม็ต เชลิค กับ อูมุต เมราส แดนกลางวาง โอเคย์ โยคุสลู คุมเกมร่วมกับ โอซาน ตูฟาน และ อิร์ฟาน คาห์เวซี่ ขณะที่ตัวริมเส้นอาจให้ เซนกิซ อุนแดร์ ลงไปยืนทางฝั่งขวาคนละด้านกับ ฮาคาน ชัลฮาโนกลู ส่วนแนวรุกจะให้ บูรัค ยิลมาซ ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าเหมือนเดิม  

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม

ผู้รักษาประตู : อูกูร์คาน ชาเคียร์

แนวรับ : เมริห์ เดมิรัล, ชักลาร์ โชยุนคู, เมห์เม็ต เชลิค, อูมุต เมราส

แดนกลาง : โอเคย์ โยคุสลู, โอซาน ตูฟาน, อิร์ฟาน คาห์เวซี่, เซนกิซ อุนแดร์, ฮาคาน ชัลฮาโนกลู

แนวรุก : บูรัค ยิลมาซ

เวลส์

ชนะ เม็กซิโก 1-0 (เหย้า)

ชนะ สาธารณรัฐเช็ก 1-0 (เหย้า)

แพ้ ฝรั่งเศส 0-3 (เยือน)

เสมอ แอลเบเนีย 0-0 (เหย้า)

เสมอ สวิตเซอร์แลนด์ 1-1 (ยูโร 2020)

คาดว่ากุนซือ โรเบิร์ต เพจ จะปรับทัพจากเกมประเดิมสนามที่ไล่ตีเสมอ สวิตเซอร์แลนด์ 1-1 เพื่อลุ้นคว้าชัยแล้วรอต่อยอดไปสู่การทะยานผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย จึงเตรียมใช้แผนการเล่นแบบ 4-3-3 ส่วนพวกแข้งหลักยังคงพร้อมออกสตาร์ทเป็นตัวจริง เริ่มจากผู้รักษาประตูยังคงให้ แดนนี่ วอร์ด ยืนเฝ้าเสาเหมือนเดิม แนวรับจะให้ คริส เมแพม ยืนคู่กับ โจ โรดอน และให้ เบน เดวีส์ กับ คอนนอร์ โรเบิร์ตส เป็นฟูลแบ็กทั้งสองฝั่ง แดนกลางวาง โจ อัลเลน คุมเกมร่วมกับ โจ มอร์เรลล์ และ อารอน แรมซีย์ ส่วนแนวรุกยังคงให้ ดาเนี่ยล เจมส์ กับ แกเรธ เบล สวมบทเป็น 2 ปีกริมเส้นคอยป้อนบอลให้กับ คีฟเฟอร์ มัวร์ กองหน้าตัวเป้า 

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม

ผู้รักษาประตู : แดนนี่ วอร์ด

แนวรับ : คริส เมแพม, โจ โรดอน, เบน เดวีส์, คอนนอร์ โรเบิร์ตส

แดนกลาง : โจ อัลเลน, โจ มอร์เรลล์, อารอน แรมซีย์

แนวรุก : ดาเนี่ยล เจมส์, แกเรธ เบล, คีฟเฟอร์ มัวร์ 

วิเคราะห์ฟันธง

คู่นี้ไม่เคยพบกันมาก่อน และจะเป็นครั้งแรกที่ได้เผชิญหน้ากันอีกด้วย ถ้าดูผลงานจากเกมนัดแรกต้องบอกว่า ตุรกี โชว์ฟอร์มได้ต่ำกว่ามาตรฐานมากๆ จึงต้องร่วมใจกันฮึดสู้เพื่อกลับมาคว้าชัยให้ได้ หากยังหวังผ่านเข้าสู่รอบต่อไป ส่วน เวลส์ ยังคงมีดีในเรื่องของแนวรุกที่เล่นกันได้อย่างรวดเร็ว และมีทีเด็ดในเรื่องของลูกกลางอากาศที่ใช้เข้าทำประตูได้เป็นอย่างดี และมีปีกความเร็วสูงทั้งสองฝั่งเลยด้วย ดังนั้น เวลส์ จึงมีโอกาสลุ้นเก็บชัยได้มากกว่า  

ผลที่คาด – ตุรกี แพ้ เวลส์ 1-2

ดูตารางบอล ผลการแข่งบอลยูโร 2020 ย้อนหลัง

คอมเมนต์

Leave a Comment