ศึกฟุตบอลยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม ประจำวันอังคารที่ 15 มิ.ย.นี้ มีโปรแกรมลงสนามทั้งหมด 2 คู่ โดยเป็นเกมนัดแรกของกลุ่ม เอฟ นั่นเอง คู่แรก เริ่มด้วยสเปน ปะทะ สวีเดน ต่อมาเป็นตามด้วย “แชมป์เก่า” จะได้ประเดิมแข้งพบกับ ฮังการี สามารถติดตามบทวิเคราะห์ฟันธงกันได้ทุกวันจนถึงรอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 11 ก.ค.นี้กันได้เลย
สเปน VS สวีเดน
สนาม : เอสตาดิโอ ลา คาร์ตูฆ่า, เมืองเซบีญ่า ประเทศสเปน
เวลา : 02.00 น.
สเปน
ผลงาน 5 เกมหลังสุด
เสมอ กรีซ 1-1 (เหย้า)
ชนะ จอร์เจีย 2-1 (เยือน)
ชนะ โคโซโว 3-1 (เหย้า)
เสมอ โปรตุเกส 0-0 (เหย้า)
ชนะ ลิทัวเนีย 4-0 (เหย้า)
คาดว่ากุนซือ หลุยส์ เอ็นริเก้ จะใช้แผนการเล่นแบบ 4-3-3 แม้จะไม่มี เซร์คิโอ บุสเกตส์ กับ ดิเอโก้ ยอเรนเต้ ยังอยู่ในช่วงกักตัวโควิด-19 แต่ยังใช้งานพวกแข้งดังรายอื่นๆ ได้เกือบทั้งหมด โดยแนวรับจะให้ อายเมริก ลาปอร์ก ยืนคู่กับ เปา ตอร์เรส แดนกลางวาง โรดริโก้ ลงไปยืนคุมเกมร่วมกับ โกเก้ และ ติอาโก้ อัลคานทาร่า แนวรุกน่าจะให้ ดานี่ โอลโม่ ลงไปประสานงานกับ เฟร์ราน ตอร์เรส และ เกราร์ด โมเรโน่
รายชื่อ 11 นักเตะตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม
ผู้รักษาประตู : อูไน ซิมง
แนวรับ : ฆอร์ดี้ อัลบา, อายเมริก ลาปอร์ก, เปา ตอร์เรส, มาร์กอส ยอเรนเต้
แดนกลาง : โกเก้, โรดริโก้, ติอาโก้ อัลคานทาร่า
แนวรุก : ดานี่ โอลโม่, เกราร์ด โมเรโน่, เฟร์ราน ตอร์เรส
สวีเดน
ผลงาน 5 เกมหลังสุด
ชนะ จอร์เจีย 1-0 (เหย้า)
ชนะ โคโซโว 3-0 (เยือน)
ชนะ เอสโตเนีย 1-0 (เหย้า)
ชนะ ฟินแลนด์ 2-0 (เหย้า)
ชนะ อาร์เมเนีย 3-1 (เหย้า)
คาดว่ากุนซือ แยนน์ อันเดอร์เซ่น จะใช้แผนการเล่นแบบ 4-4-2 แต่จะไม่ใช้งาน เดยัน คูลูเซฟสกี้ กับ มัตติอัส สวานเบิร์ก ยังอยู่ในช่วงกักตัวโควิด-19 ส่วนพวกแข้งหลักรายอื่นๆ ยังพร้อมออกสตาร์ทเป็นตัวจริง โดยแนวรับจะให้ วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ ยืนคู่กับ ฟิลิป เฮลานเดอร์ แดนกลางวาง เซบาสเตียน ลาร์สสัน คุมเกมคู่กับ คริสตอฟเฟอร์ โอลส์สัน แนวรุกน่าจะให้ มาร์คัส เบิร์ก ยืนเป็นกองหน้าคู่กับ อเล็กซานเดอร์ ไอซัค
รายชื่อ 11 นักเตะตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม
ผู้รักษาประตู : คริสตอฟเฟอร์ นอร์ดเฟลด์ท
แนวรับ : คาร์ล มิคาเอล ลุสติง, วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ, ฟิลิป เฮลานเดอร์, ลุดวิก ออกัสตินส์สัน
แดนกลาง : วิคเตอร์ คลาเอสสัน, เซบาสเตียน ลาร์สสัน, คริสตอฟเฟอร์ โอลส์สัน, เอมิล ฟอร์สเบิร์ก
แนวรุก : อเล็กซานเดอร์ ไอซัค, มาร์คัส เบิร์ก
วิเคราะห์ฟันธง
คู่นี้เคยพบกันในทุกรายการมาแล้วทั้งหมด 10 นัด ปรากฎว่า สเปน มีสถิติเหนือกว่า โดยเป็นฝ่ายชนะ 5 เกม เสมอ 2 เกม และแพ้ 3 เกม ส่วนนัดล่าสุดเจอกันในศึกยูโร 2020 รอบคัดเลือก เมื่อปี 2019 ปรากฎว่า สวีเดน เปิดบ้านเสมอ 1-1 แม้ว่าทั้งสองทีมจะมีปัญหาเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในแคมป์เก็บตัวนักเตะ แต่ สเปน ยังมีผู้เล่นฝีเท้าดีให้เลือกใช้งานอีกหลายคน ส่วน สวีเดน พร้อมยึดนักเตะชุดเดิมเป็นหลัก คาดว่า สเปน น่าจะเป็นฝ่ายเก็บชัยได้แบบหวุดหวิด
ผลที่คาด – สเปน ชนะ สวีเดน 2-1
ฮังการี VS โปรตุเกส
สนาม : ปุสกัส อารีน่า, กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี
เวลา : 23.00 น.
ฮังการี
ผลงาน 5 เกมหลังสุด
เสมอ โปแลนด์ 3-3 (เหย้า)
ชนะ ซาน มาริโน 3-0 (เยือน)
ชนะ อันดอร์ร่า 4-1 (เยือน)
ชนะ ไซปรัส 1-0 (เหย้า)
เสมอ ไอร์แลนด์ 0-0 (เหย้า)
คาดว่ากุนซือ มาร์โก รอสซี่ จะใช้แผนการเล่นแบบ 3-4-1-2 โดยพร้อมให้พวกแข้งหลักลงสนามทั้งหมดเลย ไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตูจะให้ ปีเตอร์ กาลุคชี่ ยืนเฝ้าเสา แนวรับวาง วิลลี่ ออร์บาน ยืนร่วมกับ เอ็นเดร บ็อตก้า และ อัตติล่า ซาไล แดนกลางจะให้ อดัม นากี้ ยืนคุมเกมคู่กับ ลาซโล ไคน์ไฮสเลอร์ ส่วนฟูลแบ็กทั้งสองฝั่งเป็นหน้าที่ของ ฟิลิป โฮเลนเดอร์ กับ โลอิค เนโก้ แนวรุกน่าไม่มี โดมินิค ซาบอสซ์ไล จอมทัพดาวรุ่งได้รับบาดเจ็บจนต้องขอถอนตัวออกไป แต่จะได้ โรแลนด์ ซัลไล ฟิตกลับมาเป็นตัวปั้นเกมอยู่ด้านหลังของคู่กองหน้า เนมันย่า นิโกวิช กับ อดัม ซาไล
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม
ผู้รักษาประตู : ปีเตอร์ กาลุคชี่
แนวรับ : วิลลี่ ออร์บาน, เอ็นเดร บ็อตก้า, อัตติล่า ซาไล
แดนกลาง : อดัม นากี้, ลาซโล ไคน์ไฮสเลอร์, ฟิลิป โฮเลนเดอร์, โลอิค เนโก้
แนวรุก : โรแลนด์ ซัลไล, เนมันย่า นิโกวิช, อดัม ซาไล
โปรตุเกส
ผลงาน 5 เกมหลังสุด
ชนะ อาเซอร์ไบจาน 1-0 (เหย้า)
เสมอ เซอร์เบีย 2-2 (เยือน)
ชนะ ลักเซมเบิร์ก 3-1 (เยือน)
เสมอ สเปน 0-0 (เยือน)
ชนะ อิสราเอล 4-0 (เหย้า)
คาดว่ากุนซือ แฟร์นันโด้ ซานโต๊ส จะใช้แผนการเล่นแบบ 4-3-3 เพื่อให้พวกแข้งดังออกสตาร์ทเป็นตัวจริง และมีดีกรีเป็นถึงแชมป์เก่าจากศึกยูโร 2016 อีกด้วย เริ่มจากผู้รักษาประตูจะให้ รุย ปาทริซิโอ ยืนเฝ้าเสา แนวรับน่าจะดร็อปจอมเก๋าอย่าง เปเป้ และใช้ความสดของ รูเบน ดิอาส ลงไปยืนคู่กับ โจเซ่ ฟอนเต้ ส่วนแบ็กขวาไม่มี เจา คันเซโล่ ติดโควิด-19 ต้องถอนตัวออกไปแล้ว แม้จะเรียกตัว ดิโอโก้ ดาโลท์ เข้ามาเสริมทัพแทนแล้วด้วย แต่น่าจะให้ เนลสัน เซเมโด้ ยืนคนละฝั่งกับ ราฟาเอล เกร์เรโร่ แดนกลางวาง บรูโน่ แฟร์นันเดส ยืนคุมเกมร่วมกับ ดานิโล เปไรร่า และ เจา มูตินโญ่ แนวรุกใช้ 3 ประสานรอเลือกระหว่าง เจา เฟลิกซ์ หรือ อังเดร ซิลวา เพื่อให้ลงไปประสานงานกับ ดิโอโก้ โจต้า และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซึ่งเตรียมสร้างสถิติเป็นนักเตะที่ได้ลงเล่นรอบสุดท้ายมากที่สุดถึง 5 ครั้งติดต่อกัน นับตั้งแต่ศึกยูโร 2004 เป็นต้นมา
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม
ผู้รักษาประตู : รุย ปาทริซิโอ
แนวรับ : เนลสัน เซเมโด้, รูเบน ดิอาส, โจเซ่ ฟอนเต้, ราฟาเอล เกร์เรโร่
แดนกลาง : บรูโน่ แฟร์นันเดส, ดานิโล เปไรร่า, เจา มูตินโญ่
แนวรุก : อังเดร ซิลวา, ดิโอโก้ โจต้า, คริสเตียโน่ โรนัลโด้
วิเคราะห์ฟันธง
คู่นี้เคยพบกันในทุกรายการมาแล้วทั้งหมด 9 นัด ปรากฎว่า โปรตุเกส พกสถิติข่มแบบมิดด้าม เพราะเป็นฝ่ายชนะได้ถึง 7 เกม เสมอ 2 เกม และไม่เคยแพ้แม้แต่นัดเดียว ส่วนนัดล่าสุดเจอกันในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนยุโรป เมื่อปี 2017 ปรากฎว่า โปรตุเกส บุกไปชนะ 1-0 นอกจากนี้ทั้งสองทีมเคยเจอกันในศึกยูโร 2016 รอบแบ่งกลุ่ม เมื่อครั้งที่แล้ว ปรากฎว่า เสมอกันไปแบบสุดมันส์ 3-3 ด้วยศักยภาพที่ดูเป็นรองกว่าอยู่แล้ว ทำให้ ฮังการี พร้อมเล่นเกมแบบโต้ตอบตามสไตล์ถนัด ส่วน โปรตุเกส พร้อมใช้ความสามารถเฉพาะของพวกแข้งดังในการเข้าทำเกมรุก จึงอยู่ที่ว่าแนวรับของ ฮังการี ว่าจะเหนียวแน่นเพื่อต้านทานเกมบุกของฝรั่งตรงข้ามได้ดีเพียงใด และแนวรุกของ โปรตุเกส จะเฉียบคมหรือไม่ แต่คาดว่า โปรตุเกส น่าจะอาศัยชั้นเชิงของพวกดาวดังที่ดูดีกว่า และเป็นฝ่ายคว้าชัยได้ตามเป้า
ผลที่คาด – ฮังการี แพ้ โปรตุเกส 1-3